
ความสำคัญของการตรวจสุขภาพฟันและช่องปาก
การตรวจสุขภาพฟันและช่องปากอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม แต่ในความเป็นจริงแล้วการดูแลสุขภาพช่องปากไม่ได้หมายถึงเพียงการแปรงฟันวันละสองครั้ง หรือการใช้ไหมขัดฟันเพียงเท่านั้น การไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันและตรวจช่องปาก เป็นอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สามารถป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำถามที่พบได้บ่อยคือ เราควรไป ตรวจฟัน ทุก ๆ กี่เดือนดี ?
การตรวจฟันและตรวจช่องปากเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการดูแลสุขภาพฟันและเหงือก เนื่องจากสามารถตรวจหาสัญญาณของปัญหาต่าง ๆ ได้ตั้งแต่ระยะเริ่ม เช่น ฟันผุ โรคเหงือกและปัญหาอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดโรครุนแรงในอนาคตหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง การตรวจเป็นระยะยังช่วยให้สามารถรักษาปัญหาได้ทันท่วงที ซึ่งสามารถป้องกันการสูญเสียฟันในระยะยาว โดยทั่วไปแล้ว ทันตแพทย์มักจะแนะนำให้ตรวจฟันและตรวจช่องปากทุก ๆ 6 เดือน เพื่อให้ทันตแพทย์สามารถประเมินสุขภาพช่องปากได้อย่างครบถ้วน อย่างไรก็ตามในบางกรณี เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือผู้ที่มีประวัติสุขภาพฟันที่มีปัญหามาก่อน ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ตรวจฟันบ่อยขึ้น เช่น ทุก 3 - 4 เดือน ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงและสุขภาพของแต่ละคน
วิธีการดูแลสุขภาพช่องปาก
แม้ว่าการตรวจฟันอย่างสม่ำเสมอกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่การดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเองอย่างถูกวิธีนั้นก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญในการดูแลเช่นกัน เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้ดีอยู่เสมอ โดยวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเองสามารถทำได้หลายวิธีเพื่อรักษาฟันและเหงือกให้แข็งแรง ดังนี้
-
แปรงฟันอย่างถูกวิธี
การแปรงฟันที่ถูกต้องควรทำแปรงละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ซึ่งฟลูออไรด์เป็นสารที่ช่วยป้องกันฟันผุ การแปรงฟันควรใช้เวลาประมาณ 2 นาทีและแปรงในทิศทางที่เหมาะสม ไม่ควรแปรงแรงเกินไปเพราะอาจทำลายเคลือบฟันได้
-
ใช้ไหมขัดฟัน
ไหมขัดฟันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำความสะอาดบริเวณระหว่างฟันที่แปรงฟันเข้าไม่ถึง การใช้ไหมขัดฟันจะช่วยลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์และเศษอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุและโรคเหงือก รวมไปถึงปัญหากลิ่นปากที่เกิดจากคราบหินปูน
-
ใช้น้ำยาบ้วนปาก
น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์หรือสารฆ่าเชื้อโรคสามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพฟันและเหงือกได้ น้ำยาบ้วนปากช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปากและปัญหาในระยะยาว
-
ลดการบริโภคน้ำตาลและอาหารที่เป็นกรด
การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือกรดมากเกินไปอาจทำให้เคลือบฟันสึกกร่อนและเกิดฟันผุได้ง่าย ดังนั้นควรลดการบริโภคอาหารเหล่านี้และเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อฟัน เช่น ผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์จากนมที่มีแคลเซียม
-
ดื่มน้ำมาก ๆ
การดื่มน้ำช่วยให้ช่องปากสะอาดและกระตุ้นการผลิตน้ำลาย ซึ่งน้ำลายมีหน้าที่ในการล้างคราบจุลินทรีย์และช่วยควบคุมแบคทีเรียในช่องปาก
ความเสี่ยงและโรคที่อาจเกิด หากไม่มีการตรวจฟันและตรวจช่องปากอย่างสม่ำเสมอ
-
ฟันผุ - หากปล่อยให้ฟันผุเกิดขึ้นโดยไม่รักษา อาจทำให้ฟันถูกทำลายถึงชั้นรากฟัน และต้องทำการรักษารากฟันหรือต้องถอนฟันในที่สุด การตรวจฟันเป็นประจำจะช่วยให้ทันตแพทย์พบฟันผุตั้งแต่ระยะแรกและรักษาได้ทันเวลา
-
โรคเหงือก - โรคเหงือก เช่น เหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ เกิดจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์บนฟัน หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เหงือกร่นและสูญเสียฟันในที่สุด การตรวจฟันเป็นประจำจะช่วยป้องกันและรักษาโรคเหงือกได้
-
กลิ่นปาก - กลิ่นปากที่เกิดจากการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากหรือฟันผุ อาจทำให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจในการพูดคุยหรือพบปะผู้คน การตรวจฟันและตรวจช่องปากช่วยให้ทันตแพทย์สามารถระบุสาเหตุของกลิ่นปากและแนะนำวิธีการรักษาได้อย่างเหมาะสม
-
มะเร็งช่องปาก - การตรวจพบมะเร็งช่องปากในระยะแรกมีความสำคัญในการรักษาโรคร้ายแรงนี้ ซึ่งการตรวจฟันและตรวจช่องปากอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ทันตแพทย์สามารถสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในช่องปากที่อาจบ่งชี้ถึงมะเร็งได้
การดูแลสุขภาพช่องปากกับ AT U Dental
เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพช่องปากและตรวจฟันได้อย่างสะดวกสบาย AT U Dental มีบริการตรวจฟันราคาเป็นมิตร ให้บริการทั้งในรูปแบบคลินิกทันตกรรมและรถทันตกรรมเคลื่อนที่ ที่สามารถเดินทางไปให้บริการถึงที่ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจช่องปาก ขูดหินปูน อุดฟัน หรือบริการทางทันตกรรมอื่น ๆ ทีมทันตแพทย์มืออาชีพพร้อมดูแลสุขภาพฟันของคุณอย่างครบถ้วนและประทับใจ AT U Dental พร้อมให้บริการทุกท่าน ด้วยอุปกรณ์ทันสมัยและการดูแลที่มีมาตรฐานสูง ทั้งในคลินิกและบริการเคลื่อนที่ เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพฟันและช่องปากที่ดีอย่างยั่งยืน
|